ารสำนึกรู้คุณหรือกตัญญูรู้คุณเป็นเหตุให้บุคคลเกิดความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน ประณีตและสุภาพนอบน้อม เมื่อจิตใจรู้สึกละเอียดอ่อน สุภาพนอบน้อม เคารพและสำนึกรู้คุณของทั้งตนเองผู้อื่นและสรรพสิ่งแวดล้อมแล้ว พฤติกรรมที่จะแสดงความนอบน้อมออกมาตามแต่ละวัฒนธรรมที่กำหนดขึ้นก็จะตามมาในที่สุด

คนนอบน้อมจะดำรงอุดมการณ์อย่างแน่วแน่โดยไร้กาลเวลา

หลังเกิดแผ่นดินไหวแล้วประมาณ 10 ชั่วโมง ของวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 ณ มณฑลเวิ่นฉวน ประเทศจีน หน่วยกู้ภัยและทหารก็ได้ช่วย เด็กชายหลั่งเจิง อายุ 3 ขวบ ซึ่งกระดูกแขนซ้ายหัก นิ้วก้อยและนิ้วซ้ายถูกตัดออก ศรีษะกับใบหน้ามีบาดแผล นางอู๋เสียวหง แม่ของเด็กชายคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างหนึ่ง แต่ก็ยังคลานออกจากซากอาคารเพื่อตามหาลูกคือเด็กชายหลั่งเจิง เธอเดินกะโผลกกะเผลกไปทั่วอำเภอเป่ยฉานก็ยังไม่พบ จึงเดินทางไปที่เหมียนยัง ต้องฟันฝ่าอุปสรรคอีกหลายครั้งกว่าจะได้พบลูกชาย

book

ขณะที่เด็กชายถูกหามออกมาและนอนบนเปล แขนซ้ายของเขายังเข้าเฝือกอยู่ และนิ้วมือบางส่วนก็ถูกตัดออกไปแล้ว กระนั้นเขายังชูมือข้างที่เหลือขึ้นแสดงความนอบน้อมขอบคุณทหาร ในขณะที่ทหารเคลื่อนย้ายเขาออกไปยังที่ปลอดภัย เด็กชายคนนี้ได้ยกมือขวาขึ้นแสดงความเคารพ เพื่อเป็นการแสดงความนอบน้อมขอบคุณทหารที่ช่วยชีวิตเขา แพทย์ที่รักษาเด็กชายหลั่งเจิงเล่าว่า ทีมแพทย์และพยาบาลทุกคนต่างเคยเห็นภาพที่เขายกมือแสดงความนอบน้อมขอบคุณทหารทุกคนและรู้สึกชื่นชมมาก จึงช่วยให้การรักษาพยาบาลเขาอย่างดีที่สุด แม้วันที่ 23 พฤษภาคม 2551 นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่าไปเยี่ยมเด็กชายหลั่งเจิงเขาก็ยังยกมือขวาขึ้นเพื่อขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ห้องผู้ป่วยหนัก (ไอซียู)

การฝึกฝนแสดงความนอบน้อมทำได้หลากหลายวิธีเช่น เราถวายความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯด้วยความนอบน้อมเมื่อได้ยินสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี ด้วยเพราะสำนึกรู้คุณอันใหญ่หลวงที่พระองค์มีต่อประเทศชาติและประชาชน เรากราบด้วยท่าเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้งอย่างนอบน้อมต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วยความสุภาพนอบน้อมด้วยเพราะเราสำนึกในพระคุณของพระรัตนตรัย เราแสดงกิริยาวาจาด้วยความสุภาพนอบน้อมต่อครูบาอาจารย์ ด้วยเพราะเราสำนึกในบุญคุณของท่านที่พร่ำสอนวิชาการและความเป็นคนดีให้แก่เรา เราแสดงกิริยาวาจาแสนสุภาพนอบน้อมต่อลูกค้าด้วยเพราะเราสำนึกในบุญคุณของลูกค้าที่มีต่อเราและสถานประกอบการเยี่ยงพระราชา ดังคำกล่าวที่ว่า ลูกค้าคือพระราชา (Customer is King) เราให้เกียรติต่อตนเองด้วยความรักตัวเองถนอมตัวเอง ไม่ทำร้ายตัวเองก็เพราะเรามีความรู้สึกรู้คุณค่าและภาคภูมิใจในตนเองนั่นเอง

เด็กคนดังกล่าวแสดงกิริยานอบน้อมด้วยการยกมือขวาขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงความรู้สึกสำนึกรู้คุณและตอบแทนคุณ ซึ่งเกิดจากมโนสำนึกที่นอบน้อมจากภายในจิตใจ ส่งผลให้แสดงกิริยาที่นอบน้อมออกมาจนเกิดความประทับใจและน่าชื่นชมแก่ผู้พบเห็น ส่งผลให้ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด โดยธรรมชาติในภาวะคับขันมนุษย์มักจะนึกถึงแต่ตัวเองเป็นหลักเพราะรักตัวกลัวตายและด้วยสัญชาตญาณจึงต้องการจะออกจากสถานการณ์โดยเร็ว มักไม่ค่อยคำนึงถึงคุณค่าของผู้อื่น ไม่ตอบแทนคุณผู้อื่น แม้แต่การกล่าวคำขอบคุณ ซึ่งพบเห็นอยู่เสมอในสังคมปัจจุบัน

ในทางตรงกันข้ามบางคนอาจแสดงกิริยาวาจาที่หยาบคาย ไร้ความสุภาพนอบน้อม ทั้งตนเองและผู้อื่น จนถึงขั้นอาจทำร้ายผู้อื่นหรือทำร้ายตัวเองก็ได้ นั่นเป็นเพราะขาดการสำนึกรู้คุณค่าของตนเองและผู้อื่นนั่นเอง จึงส่งผลให้ทำให้ขาดความสุภาพนอบน้อมในที่สุด

เมื่อไหร่ที่เราเริ่มรู้สึกว่าจะแสดงกิริยาวาจาไม่ค่อยสุภาพนอบน้อมนั้น แสดงว่าเรากำลังเริ่มรู้สึกว่าผู้อื่นไร้คุณค่า แต่อย่าลืมว่า เมื่อไหร่แสดงออกอย่างนั้น คนที่ไร้คุณค่าตัวจริงก็คือตัวเรานั่นเอง

ความรู้สึกประณีตที่นอบน้อมเป็นผลมาจากปัญญาและการเร้าคุณธรรมที่เกิดขึ้นด้วยปัจจัยจากสมองซีกขวา จึงเป็นเรื่องของ อารมณ์ความรู้สึกและการหยั่งรู้ (Intuition) ที่เป็นมโนสำนึกฝ่ายกุศล ถ้าอธิบายด้วยอภิธรรมก็คือ เป็นสิ่งประกอบจิต (เจตสิก) ฝ่ายกุศล ซึ่งเกิดจากการเจริญสติและมรรค 8 ที่ฝึกฝนข้ามภพข้ามชาติมาร่วมด้วยกับการอบรมบ่มเพาะจากพ่อแม่และผู้ปกครองในภพปัจจุบันนั่นเอง จึงมิใช่เรื่องของเหตุผลและระเบียบปฏิบัติโดยสมมุติอันเกิดจากสมองซีกซ้ายแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นคนจึงมักเข้าใจผิดว่าคนนอบน้อมคือ คนอ่อนแอ คนยอมคน ไม่ต่อสู้ และมักยอมจำนน นั่นเป็นความเข้าใจผิดเรื่องความนอบน้อม แต่ตรงกันข้ามคนนอบน้อมตัวจริง สมองซีกขวาและซีกซ้ายจะทำงานควบคู่กันไปอย่างน่าอัศจรรย์ นั่นคืออารมณ์ความรู้สึกจะประณีตและนอบน้อมและแสดงกิริยาวาจาที่มีความหมายว่านอบน้อมตามสังคมนั้นๆ และจะยืนหยัดด้วยการทำงานของสมองซีกซ้าย คือมีหลักการเป็นธงชัยนำหน้าในการดำรงชีวิตนั่นเอง

คนนอบน้อมจะสนใจว่าอะไรถูกต้องตามหลักการที่ชอบธรรมแทนการพยายามทำให้ตนเองเป็นฝ่ายถูก คนนอบน้อมจะยอมรับความจริงและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นแทนการปกป้องอัตตาตัวเอง คนนอบน้อมจะสรรค์สร้างทีมงานให้แข็งแกร่งมากกว่าการยกระดับและเชิดชูตัวเอง คนนอบน้อมจะนำความคิดดีๆ ที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาและสร้างสรรค์ต่อ แทนการลอกเลียนผู้อื่น คนนอบน้อมจะสื่อสารอย่างสุภาพจริงใจแทนการโกหกหลอกลวง คนนอบน้อมจะซื่อสัตย์ จริงใจจริงจังและจงรักภักดี คนนอบน้อม จะตระหนักในหลักการมากกว่าการสงบปากสงบคและจะต่อสู้เผชิญหน้าท้าทายโต้ตอบอย่างสมเหตุสมผลอย่างเข้มข้น คนนอบน้อมจะมีความเป็นตัวตนชัดเจนด้วยอุดมการณ์ มีจิตสำนึกเมตตา กรุณา หรือจิตสำนึกสาธารณะสูง คนนอบน้อมจะมีมิตรภาพที่แท้จริง ไม่เย่อหยิ่ง อวดกล้าท้ารบและหลอกลวง คนนอบน้อมจะดำรงอุดมการณ์อย่างแน่วแน่โดยไร้กาลเวลาสถานที่และบุคคล และหัวใจสำคัญที่สุดของความนอบน้อมที่กล่าวมานั้น เกิดจากจิตใจที่รู้สึกกตัญญูรู้คุณต่อตนเองและผู้อื่นนั่นเอง

วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์

นักส่งเสริมสุขภาพจิตและพัฒนาบุคลากรด้วยสหศาสตร์, ประธานสถาบันพัฒนาบุคลากรและบุคลิกภาพ Wuttipong Academy และกรรมการบริหารมูลนิธิสุขภาพจิตโรงพยาบาลสวนปรุง

Recommended Posts